33 ปี คือระยะเวลาที่อาจจะดูยาวนานสำหรับใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับ คุณโจโจ้-วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เพราะตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่เติบโตเคียงข้างบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณโจโจ้ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลในทุกมิติ ชวนชาว Gen ยัง Active มาอ่านหนทางสู่สมดุลชีวิตของเขาไปพร้อมกัน
“พรรคพวกชอบบอกว่าผมบ้างาน” คือคำตอบพร้อมเสียงหัวเราะเมื่อเราถามคุณโจโจ้ ถึงไลฟ์สไตล์การทำงานในแต่ละวัน “ผมทำงานอย่างมีความสุข เป็นคนที่ทำงานแล้วก็พยายามไม่เครียดกับงาน ทุกเช้าก่อนไปทำงานจะวิ่งออกกำลังกายสักนิด พอหัวตกถึงหมอนก็หลับ ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล”
ด้วยบทบาทในการเป็นผู้บริหารที่ต้องใช้ความคิดไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ย่อมมีความเครียดสะสมจากการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรให้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น คุณโจโจ้ได้แชร์ทริคปิดสวิตช์ความเครียดแบบไม่สงวนลิขสิทธิ์ว่า
“อันดับแรก เวลาทำงาน ถ้าเรามีสติ เมื่อมีโจทย์เข้ามา เราก็จะวางแผนได้ว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร ลำดับความสำคัญแล้วก็จบเป็นเรื่อง ๆ ไป พอเลิกงานกลับถึงบ้าน หัวถึงหมอนก็จะรู้ว่า โอเค วันนี้จบแล้วนะ พรุ่งนี้จะทำอะไรก็ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้ามีเรื่องเยอะ ๆ ก็ต้องมีความเครียดเป็นธรรมดา ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยได้มาก พอกายขยับ ใจก็จะสบาย ได้ประโยชน์หลายอย่าง ทั้งทางกายภาพ และทางด้านจิตใจ”
“ผมวิ่งเป็นประจำ ลงฟูลมาราธอน 7 ครั้ง ฮาล์ฟมาราธอนก็ลงเรื่อย ๆ ตอนนี้กำลังกลับมาซ้อมจริงจัง เพราะตั้งใจจะลงฟูลมาราธอนที่ฟูจิช่วงปลายปี ผมชอบวิ่งในสวน วิ่งกลางแจ้ง ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็จะหาเวลาไปวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ พอเราผ่อนคลายก็จะคิดเรื่องงานออกโดยอัตโนมัติ”
สำหรับใครหลายคนที่อาจไม่ได้มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟเช่นคุณโจโจ้ ก็ยังไม่สายที่จะลุกขึ้นมาเริ่มดูแลตัวเองให้กลับมามีชีวิตชีวา
“หลายคนรู้สึกว่าการจะลุกมาออกกำลังกายสักครั้งต้องใช้พลังกายพลังใจเยอะ แต่จริง ๆ ถ้าได้เริ่ม สักพักจะติด จะรู้สึกผ่อนคลาย สบายทุกครั้งที่ได้ออกกำลังกาย และผมเชื่อว่าใจกับกายจะไปด้วยกันเสมอ แนะนำว่าเริ่มง่าย ๆ ก่อน อย่างผมเริ่มวิ่ง 10 กิโลครั้งแรกเมื่อปี 2013 ก่อนหน้านั้นไม่เคยคิดว่าตัวเองจะวิ่งได้ไกลขนาดนี้ พอดีมีน้อง ๆ มาชวนให้ลงวิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมชมรมของ SCG แค่ 5 โล ตอนนั้นผมคิดว่า 5 โลจะไหวมั้ย ไปก็ไป สรุปคือสนุก เรามีกลุ่มก้อนมีเพื่อน พอสนุกปั๊บ ก็เริ่มจาก 5 เป็น 10 โล ขยับจาก 20 เป็น 21 โล จนมาถึง 42 โล ก็มาเรื่อย ๆ ดังนั้น ต้องมีการเริ่มต้น เริ่มจากง่าย ๆ ก่อน อย่าไปซีเรียสมาก”
หลังเล่าจบ คุณโจโจ้เสริมก่อนไปคำถามถัดไปว่า ก่อนที่เขาจะเอ็นจอยกับโมเมนต์ดี ๆ ระหว่างวิ่งขนาดนี้ การเตรียมตัวให้ดีก่อนวิ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน
“ยิ่งเราอายุเยอะขึ้น การเตรียมตัวก่อนวิ่งสำคัญมาก ยิ่งวิ่งมาราธอนคือต้องวางแผนให้ดี ช่วงที่ผมวิ่งปีแรก ๆ วิ่งทีไรกลับไปก็โอดโอย เจ็บตรงนู้นเมื่อยตรงนี้ ต้องไปนวด ผมไปเจอเพื่อนนักวิ่งด้วยกันเค้าให้หนังสือมาอ่าน พออ่านปุ๊บ ผมปรับท่าวิ่งทันที เพราะถ้าวิ่งไม่ดีเข่าพัง ต้องระวังเข่า เลยเรียนรู้เรื่องท่าวิ่ง”
“การเลือกรองเท้าก็สำคัญ ผมข้อเท้าไม่ดีก็ต้องเลือกรองเท้าที่เข้ากับสรีระ เดี๋ยวนี้เราสามารถหาความรู้ได้อย่างมากมาย ศึกษาไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็อย่าหักโหมมาก ที่สำคัญคือเราไม่ได้แข่งกับใคร ก็เอ็นจอยของเราไป ค่อย ๆ ปรับ เชื่อเถอะว่าดี”
ทราบมาว่าปลายปีมีแพลนจะไปวิ่งฟูลมาราธอนที่ญี่ปุ่นด้วย?
“ผมวิ่งมาราธอนที่ต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ครั้งที่ 7 เมื่อปี 2020 ก่อนโควิด ผมไปวิ่งที่เกียวโต ชอบมาก อากาศดีและสนุกมาก เลยคิดว่าปลายปีต้องไปญี่ปุ่นอีกครั้งให้ได้ เท่าที่ศึกษาเส้นทางวิ่ง จะเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิและวิวทะเลสาบ น่าวิ่งมาก ขอสักครั้งนึง (หัวเราะ)
“ส่วนงานวิ่งที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต ยังไม่มี เน้นเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อเสริมประสบการณ์ชีวิต เวลาไปงานวิ่งก็เหมือนเราไปเที่ยวด้วย ก่อนวิ่งต้องเตรียมตัวสักวัน ไปลงทะเบียน รับเบอร์อะไรต่าง ๆ ก็ได้พัก พอวันวิ่ง วิ่งเสร็จก็พัก แม้แต่เมืองไทยบางทีก็ไปวิ่งที่หัวหินบ้าง นครนายกบ้าง จันทบุรีบ้าง ก็เหมือนกับเราได้ไปเที่ยวไปในตัว ไปพักผ่อน อยู่กับธรรมชาติ”
นอกเหนือจากการทำงาน คุณโจโจ้เล่าว่าการได้พบปะพูดคุยกับเพื่อน ๆ นัดกันรวมตัวทำกิจกรรมก็เป็นอีกหนึ่งความผ่อนคลาย “มีสังคมบ้าง ได้เจอเพื่อนฝูงบ้าง ยิ่งหลัง ๆ พออายุเยอะ เพื่อนฝูงเริ่มว่าง ก็นัดเจอกันตามที่ต่าง ๆ นัดออกกำลังกายบ้าง มีก๊วนจักรยาน ก๊วนนักวิ่ง ชวนกันไปวิ่งงานนั้นงานนี้ ก็สมัครเป็นสมาชิกชมรม ไปวิ่งกัน ถ่ายรูปมาอวดกันก็มี ส่วนวันพักผ่อนจริง ๆ คือการอยู่กับธรรมชาติ ออกต่างจังหวัด ดูต้นไม้ ฟังเสียงนก ก็สดชื่นแล้ว เป็นการชาร์จแบตให้พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเข้ามา”
ในส่วนอื่นของชีวิต คุณโจโจ้ยังสนุกกับการเล่นดนตรี การร้องเพลง การอ่านหนังสือไปจนถึงการเขียนนิยาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหลงใหลที่หลายคนอาจยังไม่รู้
“ผมชอบดนตรีครับ และเริ่มเล่นกีต้าร์มาตั้งแต่สมัยเรียน เป็นสไตล์กีต้าร์โปร่ง เล่นแจมกับเพื่อนฝูง ปัจจุบันนี้ถ้ามีงานในองค์กรก็จะขึ้นไปเล่นบ้าง แฮงก์เอาท์กับน้อง ๆ ในทีม ก็เล่นดนตรี ร้องเพลงกัน อย่างงานแต่งงานของลูกน้อง ผมขึ้นไปกล่าว พออาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ขึ้นไปร้องเพลงให้เจ้าบ่าวก็สนุกดี”
“อีกหนึ่งงานอดิเรกที่เพิ่งได้ลองทำ คือการเขียนนิยาย อาจเพราะตอนเด็ก ๆ ชอบเรียนภาษาไทย ชอบอ่านหนังสือ แนวไซไฟก็ชอบ แนวสืบสวนสอบสวนก็ชอบ ก็เลยกลายเป็นแพสชันให้เราลองอะไรใหม่ ๆ อย่างการเขียนนิยาย การแต่งกลอนทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ผมชอบภาษาที่สละสลวย ผมว่าพอเราชอบอะไรหลากหลาย ก็เหมือนเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ด้วย
“พอเข้าสู่วัย Gen ยัง Active อย่าไปคิดว่าเราทำอะไรได้แค่นี้ อย่าตีกรอบตัวเอง บางคนบอกว่า ใช้แค่สมองซีกซ้ายอย่างเดียว ไม่จริงหรอก สมองซีกขวาก็ใช้งานได้ และใช้ได้ดีซะด้วย เคยเรียนภาษาจีนแบบจริงจัง หยุดเป็น 10 ปี ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าว่าง ๆ จะกลับไปเรียนจีนอีก อยากกลับไปเรียนกีต้าร์ให้เป็นเรื่องเป็นราว”
ทุกวันนี้ความสุขของคุณโจโจ้คืออะไรคะ?
“มีความสุขทุกวัน (หัวเราะ) เพราะความสุข คือการใช้ชีวิตสมดุล ไม่ว่าจะเป็นทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต เพื่อนฝูง สุขภาพร่างกาย เรื่องของจิตใจ สติ ทุก ๆ อย่าง ถ้าเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเรา เชื่อว่าจะทำให้เรามีความสุข พอเรามีความสุขก็จะเปิดรับเรื่องใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องอื่น ๆ ที่จะทำให้ชีวิตเราแอคทีฟ พอแอคทีฟ ได้ลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำให้รู้สึกว่าทุกวันเป็นวันที่น่าสนใจและมีความสุข ง่าย ๆ แค่นี้เลย”