หากใครท้องหิวอย่าได้เข้าไปใน ลุงอ้วน กินกะเที่ยว หรือ FattyUncle2499 เชียว เพราะจะทำให้คุณน้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัว!
รีวิวอาหารแบบเรียล ๆ ไม่ประดิดประดอยอะไรให้มากมาย ได้ทั้งความรู้และดูเพลิน โดยนักรีวิววัย 67 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลุงอ้วน-อนุสร ตันเจริญ เจ้าของเพจ ‘ลุงอ้วน กินกะเที่ยว’ เพจรีวิวอาหารในตำนานที่มียอดผู้ติดตามในเฟสบุ๊คกว่า 1 ล้านคน
เส้นทางการเป็นนักรีวิวอาหารมือฉมังของลุงอ้วน ไม่ได้ทำเพราะตามเทรนด์ แต่เป็นแพสชันในการเสาะแสวงหาของอร่อย ซึ่งสร้างชื่อในโลกโซเชียลมาหลายสิบปี
หากเข้าไปดูในโปรไฟล์เพจ ‘ลุงอ้วน กินกะเที่ยว’ จะพบข้อความแนะนำตัวที่ดูธรรมดาและเรียบง่ายที่ว่า “อยากเอาประสบการณ์การเป็นนักกิน นักเที่ยว กว่า 40 ปี มาแบ่งปันกันครับ”
แต่ 40 ปีที่ว่า ไม่ใช่ระยะเวลาประเดี๋ยวประด๋าว หากแต่เป็น ความสุนทรีย์ ความละเมียดละไม และความสม่ำเสมอในการยืนหยัดทำสิ่งที่ชอบ สร้างตัวตนให้แข็งแกร่งในทุกมิติ ร่วมเรียนรู้แง่มุมชีวิตของ ‘ลุงอ้วน กินกะเที่ยว’ ไปพร้อม ๆ กัน
นักกินวัย 67 กับเรื่องของการดูแลสุขภาพ
รีวิวที่ชวนให้น้ำลายไหล จนอยากจะพุ่งตัวไปชิมบ้าง คือรีแอ็คชั่นของลูกเพจลุงอ้วน กินกะเที่ยว หลายคนสงสัยว่าลุงอ้วนไปตระเวนกินของอร่อยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำทั่วฟ้าเมืองไทยแบบนี้ แล้วเรื่องสุขภาพของนักรีวิววัย 67 ล่ะเป็นอย่างไร ยังสบายดีอยู่หรือไม่
“เรื่องสุขภาพก็เป็นไปตามวัย ก็มาครบ 7 โรคครับ (หัวเราะ) เบาหวาน ความดัน คอเลสเตอรอล มีหมด แต่เราอาศัยว่าตรวจร่างกาย ตรวจเลือดปีละ 2 ครั้ง อะไรขาดก็กินยาเพิ่ม อะไรเกินก็กินยาลด เป็นสไตล์นี้
ตอนกินผมไม่ได้กินแบบผิดธรรมชาติ อย่างเวลาไปรีวิว จะใช้วิธีสั่งทุกอย่างที่ดูน่ากิน แล้วกินจานละช้อน เรียกว่าชิมจะดีกว่า กินจริง วิจารณ์จริง สไตล์ลุงอ้วน”
สำหรับเรื่องการออกกำลังกาย ลุงอ้วนจะเน้นเรื่องการเดินให้ได้มากที่สุด แต่ช่วง 5 ปีหลัง ไม่ค่อยเดินมากนักเพราะเกิดอุบัติเหตุรถชน ซี่โครงหัก จึงไม่ได้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง แต่จะเน้นการขยับร่างกายให้ได้มากที่สุดในการทำกิจวัตรประจำวันเสียมากกว่า
รันวงการนักกินด้วยทุกแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์
จาก ลุงอ้วน กินกะเที่ยว เวอร์ชั่นเว็บพันทิป เมื่อหลายสิบปีก่อน สู่ ลุงอ้วน กินกะเที่ยว ที่มาครบทุกแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์นั้นเรียกว่ามีวิวัฒนาการในการนำเสนอตัวตนที่เปลี่ยนผ่านมาหลายยุค แต่ที่แน่ ๆ คือทุกรีวิวและทุกคลิปในช่วงแรก ๆ นั้นผ่านการรีวิวจริง กินจริง ถ่ายรูปจริง กระทั่งตัดต่อด้วยตัวเองจริง ๆ!
วัย Gen ยัง Active อย่าปิดกั้นตัวเองเรื่องการเรียนรู้เทคโนโลยี
ในเมื่อเป็นนักรีวิววัย Gen ยัง Active ที่ไม่ปฏิเสธเรื่องเทคโนโลยี อยากฝากอะไรให้วัยเดียวกันไม่ให้ปิดกั้นตัวเองเรื่องการเรียนรู้เทคโนโลยี
“ผมว่าตอนนี้ผู้สูงอายุทุกท่านเริ่มทำกันแล้วล่ะ เริ่มจากไลน์ ทุกคนส่งไลน์ได้ สนุกสนาน ทุกคนเล่นเฟสบุ๊ค คนสูงวัยเนี่ย อย่างใครเกษียณแล้ว ถ้าเหงา ๆ ก็ลองทำอะไรก็ได้ที่เราชอบ ที่เราถนัด ใครชอบปลูกต้นไม้ ลองหาเม็ดถั่วสักเม็ดมาปลูก เล่าให้ตัวเองฟังในเฟสบุ๊คส่วนตัว เช้ามาก็ถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอ อีก 2 วันรากงอกขึ้นมาหน่อยก็ถ่ายรูป ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงก็สนุก ก็เพลิน มีกิจกรรมทำ”
เทคโนโลยีต้องใช้ให้ถูก ใช้ให้เป็น
ลุงอ้วน เน้นย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังเพิ่มเติมในเรื่องของการรู้จักใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในยามคับขัน
“เล่นกันได้ขนาดนี้ ส่งไลน์ได้ สวัสดีกันทุกเช้า อยากให้ลูก ๆ หลาน ๆ สอนการแชร์โลเคชั่นให้ผู้ใหญ่ ให้พ่อแม่ เผื่อหลงกันที่ไหน เดินไปไหน หลงกลับบ้านไม่ถูก จะได้ส่งโลเคชั่นถูก ให้ลูกไปรับได้
สมัยก่อนผมเรียนรู้ทุกอย่าง เรื่องมือถือ เรื่องการลงรูป เรื่องการตัดต่อ ทำเองได้หมด ตอนนี้พอถึงวัยนี้ อะไรที่ยากไม่เอาเข้าหัว อะไรที่ทำไม่ได้ ผมจะตัดทิ้งเลย เป็นการปิดสวิตช์สิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิต
สมัยนี้ดีนะ อยากรู้อะไรพิมพ์ถามเลย อยากจะผัดก๋วยเตี๋ยวสักชามทำยังไง กูเกิ้ลเลย แต่ต้องฉลาดในการค้นหาด้วย เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถนำเสนอข้อมูลในโลกออนไลน์ได้ แต่กลายเป็นว่าข้อมูลมันเยอะแยะไปหมด เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ก็ต้องวิเคราะห์ให้ได้”
เทคนิครับมือความ Toxic เกรียนคีย์บอร์ด
“พวกเกรียนคีย์บอร์ดก็เจอบ่อย ถ้าเจอคอมเมนต์ไม่สุภาพก็กดบล็อก หรือลบไปเลย หรือบางทีผู้สูงวัยเป็นลูกเพจเรา เราก็พยายามทำความเข้าใจ บางคนถามว่าร้านอยู่ไหน ถามซ้ำ ๆ กันหลายคน คำตอบอยู่ในนิ้ว เราก็อปปี้ไว้แล้วก็แค่ตอบไป”
ดูเหมือนจะเป็นการรับมือที่ใจเย็น และสุขุมนุ่มลึก หากแต่ตัวตนที่แท้จริงของลุงอ้วนกลับเป็นคนใจร้อน!
“เป็นคนใจร้อนเอาเรื่อง แต่จะใช้คำว่าช่างมัน อย่างเวลาขับรถ ไม่ได้มองรถให้ดี เรารู้ตัวว่าผิดเต็มประตู ก็จะลดกระจก แล้วก็ยกมือขอโทษ ก็จบสวย บางทีเค้าผิดปุ๊บ เราก็ยกมือแบบไม่เป็นไร ยิ้มแล้วก็ไป แค่นั้นเอง
ผมเป็นคนที่มองอะไรยาว ๆ สมมติขับรถ หัวร้อน ผมลงไป ผมพกปืน ผมยิงเค้า ตำรวจมาปุ๊บ ก็เข้าคุก หนังสือพิมพ์ก็ลง แล้วเราจะเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นทำไม ผมคิดยังงี้นะ”
เป็นคนหัวร้อนก็จริง แต่ลุงอ้วนก็มีวิธีทำให้ทุกอย่าง คลี่คลายไปได้ด้วยดี
“ถ้า ณ เสี้ยวเวลานั้น ยิ้ม พยักหน้า ยกมือไหว้ จบ ไม่เสียศักดิ์ศรี ไม่อะไรทั้งนั้น เค้าร้อนมาเราก็เย็นไป เถียงกันก็ทะเลาะกันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
มิชชั่นของนักกินที่ต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต
“มี แต่ว่าจะไม่ทำในสิ่งที่เหนือกว่าบ่าแรง หรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา อย่างจะไปประเทศนั้น กินอาหารร้านที่กินยากแล้วได้กิน อันนี้โอเค แต่ถ้าอยู่ดี ๆ ตั้งเป้าหมายว่าจะไปดูไบ ไปตึกร้อยกว่าชั้นที่มีห้องพักราคา 3 แสน 5 แสน ชั้นต้องไปนอน อันนั้นมันเพ้อเจ้อ
สิ่งที่อยากจะทำที่คิด ๆ ไว้คือไม่ต้องมีใครมายุ่ง สะพายเป้ขึ้นรถเมล์ เที่ยวให้ทั่วประเทศ แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้เพราะเรามีพร้อมทุกอย่าง อยากจะไปแบบนั้น ลูก ๆ ก็ไม่ยอม ทำสิ่งที่เราทำได้ในความพอดี ความเป็นไปได้ของวัยเราดีที่สุด”
นิยามความสุขในทุกวันนี้ของลุงอ้วน กินกะเที่ยว
“ตื่นขึ้นมา ไปเที่ยวไหนดี กินไหนดี ง่าย ๆ เป็นความเรียบง่ายที่มีความสุข อยากกินอะไร กิน อยากไปไหนก็ได้ไป เท่าที่เราสามารถไปได้”
ถ้าไม่ใช่ลุงอ้วนกินกะเที่ยว จะสามารถเป็นลุงอ้วนอะไรได้บ้าง?
“คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะการกินการเที่ยวเหมือนเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว มีคนถามผมว่า ลุงอ้วน แก่แล้วไม่เหนื่อยเหรอ ไม่หยุดเหรอ ไม่เลิกทำเหรอ ผมย้อนกลับไปว่า ถ้าคนเกษียณแล้วทำอะไร ก็ต้องกิน ก็ต้องออกไปเที่ยวใช่ไหม ทุกวันนี้คนอิจฉาผมเยอะมาก กินดี เที่ยวดี มีตังค์ใช้ นึกออกมั้ย แล้วเราจะหยุดทำไม”
รู้สึกยังไงกับคำว่าคนแก่ ผู้สูงอายุ วัยเก๋า วัยเกษียณ? รู้สึกจี๊ดไหมเวลาใครเรียกเราแบบนี้?
“ยังไงทุกคนก็จะต้องถึงจุดนี้ ง่าย ๆ ให้เห็นภาพ ถ้าไปงานศพ ตอนเราเป็นวัยรุ่นเราก็จะนั่งด้านหลัง พอโตมาอีกหน่อย ก็นั่งหน้า มาถึงตอนนี้ก็ทางเจ้าภาพก็เชิญให้ไปเป็นประธาน เราไปอยู่จุดนั้นแล้ว ก็เป็นธรรมชาติของคนเราที่เป็นไปตามวัย
ความคิดของคนเราก็เช่นกัน อย่างผมทุกวันนี้ ความตายกับความสุขมันแค่เส้นด้าย เป็นวัยที่เพื่อน ๆ เริ่มล้มหายตายจากกันไปแล้ว เราจะได้ยินคำอุทาน อ้าว ไอ้นี่ตายแล้วเหรอ แล้วก็จบ แค่นั้นเอง แล้วเค้าก็ลืมเรากันไปหมด
ถ้าอยากทำอะไร ทำตอนเป็น ๆ ให้เค้าเห็น อย่างเพื่อนผม เขียนพินัยกรรมเรียบร้อย ผมว่ามันเลยว่า เขียนทำไม เรียกลูกมารับเลยตอนเป็น ๆ นี่ล่ะ ให้มีความสุขในตอนนี้ไม่ต้องรอ ถ้าตายแล้วจะแย่งชิงกันหรือมีเรื่องกันไปเปล่า ๆ (หัวเราะ)”